วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

ลงชุมชนครั้งที่ 5 ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงบ้านปลักไม้ลาย

ประวัติของการทำเกษตรตั้งแต่เริ่มแรก โดยใช้หลัก Time Line อ้างอิง

เริ่มต้นการทำการเกษตรของคุณสุธรรม จันทร์อ่อน จากที่คุณสุธรรมได้เล่ามานั้น ตัวเค้าทำการเกษตรมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ก็ทำเกษตรมาก่อน ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำการเกษตรของตัวคุณสุธรรมและครอบครัวจากการปลูกข้าวอย่างเดียวมาเป็นการทำเกษตรหลายอย่าง เช่น ปลูกอ้อย และเลี้ยงปลาด้วย
คุณสุธรรม  จันทร์อ่อนได้เริ่มทำการเกษตรแบบเต็มรูปแบบด้วยการที่ทางครอบครัวยกช่วงต่อให้แก่คุณสุธรรม จันทร์อ่อนในช่วง ปี 2516 ได้ทำการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ด้วยการปลูกข้าว  ปลูกอ้อย เลี้ยงปลา เป็นต้น การทำการเกษตรของคุณลุงก็เหมือนเกษตรกรทั่วไป  ได้ผลตอบแทนดี เพราะเป็นการทำเกษตรแบบเน้นผลผลิตเยอะๆ  ได้ผลตอบแทนที่ได้คือกำไร ยังไม่ดีพอเพราะ ได้กำไรมาต้องใช้จ่ายในครอบครัว ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ  และรายค่าของการทำเกษตรอีกทั้งค่า ปุ๋ยเคมี  ยาฆ่าแมลง และอื่นๆอีก  รวมๆแล้วคือแค่มีกินมีใช้จ่ายในครอบครัวแต่ไม่มีเงินเก็บออม
ต่อมาในปี 2521 ผลผลิตทางการเกษตรได้เกิดการปรับราคาสูงขึ้น  ต้นทุนก็สูงมากๆตามกันไปด้วยจึงทำให้คุณสุธรรมตัดสินใจเลิกปลูกอ้อย เพราะค่าปุ๋ย ฆ่าสารเคมีสูงขึ้นจึงทำให้ไม่มีผลกำไรและอาจจะขาดทุนด้วย  จึงหันมาทำการเกษตรด้วยการปลูกกล้วยกับการทำนาแทน เมื่อทำไปได้มานานก็ประสบปัญหาตามกันมาเลย คือ กล้วยราคาตกต่ำลงไม่พอกับค่าใช้จ่าย  นาข้าวก็ต้องทำแบบไว้กินก่อนเหลือแค่เพียงนิดหน่อยจึงนำไปขาย แต่ก็ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัว
ในปี 2525  คุณสุธรรมก็ได้เปลี่ยนรูปแบบการทำเกษตรไปเลยจากการปลูกพืช ผัก ผลไม้ เป็นการทำการเกษตรแบบประมง คือ การเลี้ยงกุ้งก้ามกาม  คือ พื้นที่ในส่วนที่ปลูกผักมาทำเป็นการเลี้ยงกุ้งทั้งหมด  ทำไมถึงหันมาเลี้ยงกุ้งหรอ เพราะว่าช่วงนี้ราคากุ้งสูงมาก จึงคิดว่าทำแบบนี้คือเอาทุนเก่าคืน ทุ่มสุดตัว และก็ได้ผลจริงๆ  การลงทุนทำกุ้งครั้งนี้คุณสุธรรมได้ผลกำไรตอบแทนที่ดีมาก เลี้ยงแรกๆอะไรก็ดีไปหมด เมื่อถึงปี 2530 ตอนต้นปี  เค้าได้ประสบปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ กุ้งที่เลี้ยงเป็นโรค  จึงทำให้ได้กำไรในการขายกุ้งน้อยลง เพราะตัวเค้าเองไม่ได้มีความรู้เลยในด้านการเลี้ยงกุ้ง จึงทำให้เลิกเลี้ยงกุ้ง
แต่ก็ไม่คุณสุธรรมก็ไม่ถอดใจ จากบ่อกุ้งก็หันมาทำเป็นการเลี้ยงปลาแทน ในช่วงปลายปี  2530  ก็ปลาส่วนใหญ่ก็จะเป็นปลากินพืชที่ใช้เลี้ยง  แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะราคาของปลาก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะเกษตรกรก็หันมาทำการเลี้ยงปลามากพอสมควรเหมือนเป็นการทำการเกษตรตามความต้องการของตลาด  แต่ตลาดก็ไม่สามารถรับของไว้ได้ หรือไม่ ก็กดราคาลงมาจากเดิมแรกๆที่เลี้ยง  จึงทำให้ต้องปล่อยให้เป็นบ่อป่าว โดยที่ไม่นำปลามาเลี้ยงต่อ แต่ลูกปลาที่ยังอยู่ก็ปล่อยให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติ
ปี 2533 ได้ลองหันกลับมาทำการเกษตรปลูกผักอีกครั้ง จึงหันมาทำการเกษตรปลูกหน่อไม้ฝรั่ง  ทำผักปลอดสารพิษ  ผักกางมุ้ง แต่ให้ครอบครัวเป็นผู้ดูแลแทน และตัวคุณสุธรรมเองได้ไปทำงานที่บริษัทส่งออก ในตำแหน่งงานผู้จัดการฝ่ายไร่ ถึงแม่จะทำงานนอกบ้านด้วยแต่เค้าก็ไม่เคยลืมอาชีพเกษตรของเค้าเลยแถมการที่เค้าไปทำงานภายนอกเค้าก็ได้ศึกษาไปในตัวเกี่ยวกับการทำการเกษตร และที่สำคัญคุณสุธรรมจันทร์อ่อน ได้เป็นคณะกรรมการก่อตั้งกลุ่ม หน่อไม้ฝรั่ง เมื่อตั้งกลุ่มแล้วจึงทำให้เป็นที่หน้าสนใจของกลุ่มห้างร้าน และ โรงแรม  จึงทำให้ครอบครัวมีรายได้มากขึ้นพอเลี้ยงชีพครอบครัวได้
ต่อมาคุณสุธรรมได้ลดการปลูกหน่อไม้ฝรั่งลงแต่เพิ่มปริมาณในการปลูกผักมาขึ้นพร้อมกับการทำไร่นา  ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง  หลักทฤษฎีใหม่  ตัวการแบ่งที่ดินออกเป็นส่วนๆ  ทำการปลูกผักกางมุ้ง  1 ส่วน  เลี้ยงวัวนม  1 ส่วน  ทำนาข้าว 1 ส่วน (นาข้าวจะมากกว่า)  เลี้ยงปลาอีก 1 ส่วนใหญ่   แต่การปลูกพืชผักก็ยังเป็นผลกระทบต่อครอบครัวของเค้า  ทำให้คนในครอบครัวเจ็บป่วยบ่อย และยังต้องลงทุนสูงอยู่เหมือนเดิม  และทางการตลอดก็ได้ตรวจเข้มในเรื่องการใช้สารเคมีมาก ทำให้มีสารเคมีตกค้างจากผลผลิตจึงทำให้อยากต่อการขาย แต่ในปี 2540 คุณสุธรรม ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขว้าง และได้มีโอกาสไปเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์จากโครงการของทาง อบต.
ต่อมาในปี 2542 คุณสุธรรมได้นำความรู้จากการเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์มาใช้  โดยเริ่มทำโครงการปลูกผักปลอดสารพิษ เกษตรอินทรีย์ ปลูกผักหลายๆอย่างมาผสมผสานกัน เช่น การปลูกผัก  ทำเกษตรเลี้ยงปลา  เลี้ยงเป็ด  เลี้ยงไก่  และทำนาข้าว  แต่ก็ยังมีอุปสรรคในเรื่องการตลาด คือ การที่เราเริ่มทำเกษตรอินทรีย์ยังไม่เป็นที่ต้องการของตลาดมากสักเท่าไหร่  ในปี 2545 คุณสุธรรมได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่10  ตำบลทุ่งขว้าง  อำเภอกำแพงแสน  จังหวัดนครปฐม  และได้ไปศึกษาเรียนต่อที่ สาขาการพัฒนาชุมชน  คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม  จบตามหลักสูตรในปี 2549
เมื่อจบปริญญาตรีแล้วคุณสุธรรมก็ได้เปลี่ยนการทำเกษตรจากเดิมที่ใช้สารเคมี มาเป็นการทำเกษตรอินทรีย์อย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 2549  ด้วยการปลูกข้าวเอง ลงทุนไปซื้ออุปกรณ์ในการสีข้าว ทำกรสีข้าวเอง  ขายเป็นแบบข้าวก้องด้วย  ปลาที่เลี้ยงไว้ไม่ได้นำไปจำหน่ายแต่เลี้ยงไว้กินเอง  และปลูกต้นกล้วย ไม้ดอกไม้ประดับ แซมตามคันนา และตามทางที่ปลูกผักอินทรีย์   ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น  ลดต้นทุน  และยังมีเงินเก็บออมในครอบครัว 
ในปี 2550 คุณสุธรรมได้เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงเป็นของครอบครัวเอง เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมมาอบรม  ศึกษาดูงานที่สวนไร่ของคุณสุธรรม
ปี 2552 ต่อยอดจากเดิมที่มีอยู่ของพื้นที่ที่เหลือมาปลูกผักเพิ่ม  ทำสวนกล้วย และปลูกผักแบบผสมผสานด้วย  จำหน่ายผลผลิตเองภายในศูนย์การเรียนรู้
ในปี 2553 คุณสุธรรมได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่น  สาขา บัญชีฟาร์ม  ในวันพืชมงคล  ได้รับจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์  สยามมกุฎราชกุมาร
ในปี 2555 จนถึงปัจจุบัน เป็นครูสอนพิเศษ ที่ มหาวิทยาลัยศิลปกร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์  ด้าน  อาหารเพื่อสุขภาพ  Food  For Help  และยังได้เขียนหลักสูตรวิชาเกษตรผสมผสาน  (มสธ)  คณะเกษตรและสหกรณ์
ในปี  2557 จนถึงปี 2559 สอนหลักเศรษฐกิจพอเพียง  และ  เกษตรอินทรีย์ที่ประเทศกัมพูชาอีกด้วย




สถานที่ที่ใช้นั่งสัมภาษณ์ 






สัมภาษณ์ขอข้อมูล เขียนตัวร่างทำ Time Line



ลงไปดูในพื้นที่ที่ทำการเกษตร สำรวจเพิ่มเดิมจากครั้งแรก